คดีจลาจล 6 ตุลาคม 2519

คดีระหว่าง  
พล.ต.ท. วิเชียร แสงแก้ว   ผู้กล่าวหา                   
นายวันจักร อำนรรฆมณี กับพวก รวม ๓,๒๒๖ คน    ผู้ต้องหา  

กล่าวหาว่าร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเป็นหนังสือหรือวิธีอื่นใดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมายในแผ่นดินฯ และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ และไม่เลิกมั่วสุมตามที่เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ฯลฯ 

ข้อเท็จจริง ได้ความว่าก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๑๙ จอมพลถนอม กิตติขจร ได้เดินทางเข้ามาในประเทศ และบวชเป็นพระภิกษุที่วัดบวรนิเวศ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจร จนเป็นเหตุให้มีผู้ถูกแขวนคอตายขณะปิดโปสเตอร์ประท้วงที่จังหวัดนครปฐม ๒ คน

ในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๒๙ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีการชุมนุมและเปิดอภิปรายที่ท้องสนามหลวง เพื่อขับไล่พระภิกษุถนอมและบังคับให้รัฐบาลจับกุมผู้ที่แขวนคอชาย ๒ คน ที่จังหวัดนครปฐมดังกล่าว ในการชุมนุมได้ประกาศให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อเรียกร้องให้เสร็จสิ้นโดยเร็วและรอคำตอบจากรัฐบาล

ในวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๑๙ ได้มีการเปิดอภิปรายหน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๑๙ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาอภิปรายหน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดชุมนุมและอภิปรายที่บริเวณลานโพธิ์ หน้าตึกคณธศิลปศาสตร์ มีการก่อกวนไม่ให้นักศึกษาเข้าสอบ และจัดให้มีการแสดงละครล้อเลียน รวมทั้งการแสดงล้อเลียนการแขวนคอที่จังหวัดนครปฐมด้วย แต่การแสดงดังกล่าวมีการแต่งหน้าจนคล้ายคลึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จากนั้นมีการย้ายไปเปิดการอภิปรายและชุมนุมที่ท้องสนามหลวง แต่ได้ย้ายกลับไปชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตามเดิม เพราะเห็นว่าปลอดภัยกว่า

ในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๑๙ การชุมนุมอภิปรายยังมีต่อเนื่องกัน มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงเข้าร่วมประมาณ ๒,๐๐๐ คน ในวันดังกล่าวมีประชาชนได้มาชุมนุมที่ห้องสนามหลวง ต่อต้านการกระทำของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย มีการตะโกนด่าและใช้ก้อนหินขวางปาเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีผู้ใช้รถเมล์สองคันแล่นชนประตูเหล็กติดหอประชุมใหญ่จนพัง แต่ถูกตอบโต้จากภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วยปืนอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมสถานการณ์ได้และจับกุมผู้อยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปควบคุมตามสถานที่ต่างๆ เช่นโรงเรียนพลตำรวจบางเขน ในการตรวจค้นพบเอกสาร อาวุธ และสิ่งของจำนวนมาก การต่อสู้ครั้งนี้มีผู้ล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมผู้ซึ่งอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขณะเกิดเหตุรวมทั้งผู้ที่พัวพันกับเหตุการณ์ในมหาวิทยาลัยไว้เป็นผู้ต้องหา ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แยกผู้ต้องหาที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน ผู้ต้องหาที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือนผู้ต้องหาที่หลบหนีและถึงแก่ความตาย และได้ส่งสำนวนการสอบสวนที่เกี่ยวกับผู้ต้องหาที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือนมาให้พนักงานอัยการพิจารณา ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาบางข้อหารวม ๑๔๓ คน เห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหารวม ๔๐ คน เนื่องจากถึงแก่ความตาย และควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหารวม ๑๐ คน เนื่องจากกันไว้เป็นพยาน ส่วนผู้ต้องหานอกนั้นเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เว้นแต่ผู้ต้องหาอีกรวม ๓๓ คน ซึ่งเป็นเยาวชนได้แยกไปดำเนินคดีต่างหากอีกส่วนหนึ่งแล้ว

พนักงานอัยการพิจารณาแล้ว เห็นว่า ผู้ต้องหาเหล่านี้มาฟังการอภิปรายและมาดูละคร แต่หลับไปจนถูกจับบ้าง ออกไปจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ได้เพราะหลับบ้าง ถูกยิงบ้าง ถูกบังคับให้อยู่ไม่ให้ออกไปบ้างและไม่มีพยานคนใดเห็นผู้ต้องหาเหล่านี้ ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืนพยายามฆ่าผู้ใดไม่มีพยานคนใดรู้หรือเห็นว่าผู้ต้องหาเหล่านี้ ร่วมกันทำการสะสมกำลังบุคคลหรืออาวุธ เพื่อการกบฏเป็นผู้ยุยงให้ประชาชนล้มล้างรัฐบาลโดยใช้กำลังบังคับและไม่มีพยานคนใด ยืนยันว่าผู้ต้องหาเหล่านี้มาในที่เหตุเพื่อจะร่วมกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่ง เพียงแต่ปรากฏว่ามาเพื่อฟังการอภิปรายเท่านั้น ของกลางที่ยึดได้ในที่เกิดเหตุ ก็ไม่ได้อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาคนใด ทั้งผู้ต้องหาก็ไม่ได้ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานคนใด คดีนี้ผู้ต้องหาบางคนถึงแก่ความตายแล้ว บางคนก็ถูกกันไว้เป็นพยาน เห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคน เว้นแต่นายเจษฎา ทองรุ่งโรจน์ ผู้ต้องหาที่ ๓,๑๙๖ ซึ่งพนักงานสอบสวนออกหมายจับไว้ ให้ทำการสืบจับต่อไป

Similar Posts