ประวัติความเป็นมา

อำนาจหน้าที่

ตราสัญลักษณ์

โลโก้สำนักงาน

รูปพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐานเหนือพระแว่น พระสุริยกานต์
และตราชูรูปพระขรรค์ รองรับด้วยช่อชัยพฤกษ์

        สำนักงานอัยการสูงสุด แต่เดิมเป็นกรมอัยการ สังกัดกระทรวงมหาดไทย เครื่องหมายราชการและเครื่องหมายแสดงสังกัดจึงเป็นรูปตราราชสีห์ ต่อมาพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2534 ได้บัญญัติให้สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง อยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี จึงได้มีการกำหนดเครื่องหมายราชการและเครื่องหมายแสดงสังกัดขึ้นใหม่สำหรับใช้เป็นเครื่องหมายราชการของสำนักงานอัยการสูงสุดและเป็นเครื่องหมายแสดงสังกัดใช้กับเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายอัยการ ประกอบกับกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการได้บัญญัติให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนมาใช้บังคับกับข้าราชการธุรการของสำนักงานอัยการสูงสุด และกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ได้บัญญัติให้เครื่องหมายแบบข้าราชการพลเรือน เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน และโดยที่กฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือนได้บัญญัติให้การกำหนดเครื่องหมายแสดงสังกัด สำหรับใช้กับเครื่องแบบข้าราชการพลเรือนต้องออกเป็นกฎสำนักนายกรัฐมนตรี

        สำนักนายกรัฐมนตรีจึงออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการกำหนดภาพเครื่องหมายราชการ ตามบัญญัติเครื่องหมายราชการ พุทธศักราช 2482 (ฉบับที่ 129) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับลงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 เล่ม 109 ตอนที่ 40 หน้า 104-105 และออกกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 79 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับลงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2535 เล่ม 109 ตอนที่ 51 หน้า 4-5 กำหนดเครื่องหมายแสดงสังกัดของสำนักอัยการสูงสุด เป็นรูปตราพระมหาพิชัยมงกุฎ ประดิษฐานเหนือพระแว่น สุริยกานต์ และตราชูรูปพระขรรค์ รองรับด้วยช่อชัยพฤกษ์

        เครื่องหมายราชการ และเครื่องหมายแสดงสังกัดของสำนักงานอัยการสูงสุดจึงเปลี่ยนจากรูปตราราชสีห์เป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎประดิษฐานเหนือพระแว่น พระสุริยกานต์ และตราชูรูปพระขรรค์ รองรับด้วยช่อชัยพฤกษ์ มีความหมายถึงอำนาจหน้าที่ในการเป็นทนายแผ่นดิน การใช้กฎหมายด้วยความรอบคอบ เป็นธรรม และเด็ดขาด มีชัยชนะเหนืออธรรม

นโยบายอัยการสูงสุด

วิสัยทัศน์ (Vision)
พันธกิจ (Missions)

ค่านิยมร่วม “PUBLIC”

บุคลากร

ทำเนียบผู้บริหาร

ทำเนียบผู้บริหารสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

๑. นางทรงรัตน์  เย็นอุรา อธิบดีอัยการ 

    วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘   ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐

๒. นายอำนาจ  มุทิตาเจริญ อธิบดีอัยการ  

    วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐    ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒

๓. นายนภดล  บุญศร  อธิบดีอัยการ 

    วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒    ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓

๔. นายพัฒนชาติ ภักดีวงศ์  อธิบดีอัยการ

      วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔

๕. นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์  อธิบดีอัยการ

      วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕

๖. นางภาวนา ยิ่งวิริยะ  อธิบดีอัยการ

  วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖

๗. นางอุมา ทองรอด  อธิบดีอัยการ

  วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงปัจจุบัน

ลำดับที่เรื่อง
1ขับรถยนต์กระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับอยู่ ฟังได้ว่ามีเจตนาฆ่า
2ส่งมอบงวดงานแล้วลักลอบถอดอุปกรณ์ตัวดักกลิ่นไปใช้อาคารอื่น เป็นร่วมกันลักทรัพย์
3ขึ้นป้ายคลินิกเท็จ เป็นฉ้อโกงประชาชน
4ขับรถชนแล้วไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุทันที ไม่แจ้งชื่อและที่อยู่ฯ แก่ผู้เสียหาย เป็นความผิด
5เข้าไปดูแลสวนหย่อมที่มีผู้อื่นสร้างไว้ก่อนแล้ว ไม่ผิดบุกรุก
6ให้ข่าวโดยสุจริต ป้องกันส่วนได้เสียของตนและติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่ผิดหมิ่นประมาท
7ขายทรัพย์ที่รับจำนำแล้วปิดกิจการหลบหนี เป็นยักยอก
8สมัครรับเลือกตังโดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัคร แม้ต่อมาจะมีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ให้รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 เป็นอันสิ้นสุด ก็ยังมีความผิด
9ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล
10ผู้กระทำความผิดฐานมีเทปหรือวัสดุโทรทัศน์มิได้ผ่านการตรวจพิจารณา ต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
11ร่วมดำเนินการจัดส่งเอกสารปลอมไปให้ผู้กล่าวหาและเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากเอกสารปลอม แม้จะมีผู้อื่นลงชื่อปลอมแทนก็ฟังได้ว่ามีความผิด
12“ยิงมันให้หมดเลยและยิงแม่งเลย” เป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด
13ลำพังเพียงคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันไม่มีพยานหลักฐานอื่น ไม่พอฟ้องฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร
14ไม่มีเจตนาฆ่าแต่เป็นประมาทและทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
15พยานพฤติเหตุแวดล้อมก่อน ขณะ และหลังเกิดเหตุ รับฟังได้ว่าผู้ต้องหาเป็นคนร้าย
16พูดข่มขู่และติดประกาศให้จ่ายค่าเสื้อวินรถจักรยานยนต์ “ไม่จ่ายเจ็บ” เป็นพยายามกรรโชกและข่มขืนใจผู้อื่น
17สำคัญผิดว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของเพื่อน จึงขาดเจตนาลักทรัพย์
18คนต่างด้าวทำงานอย่างเปิดเผย
19พาคนต่างด้าวเข้ามาเยี่ยมญาติที่ศูนย์อพยพจังหวัดตาก เป็นการนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร
20พฤติการณ์เป็นร่วมกันฉ้อโกงโดยแบ่งหน้าที่กันทำตามขั้นตอน
21หนังสือมอบอำนาจไม่ใช่เอกสารสิทธิ
22เมื่ออัยการสูงสุดเห็นว่าคำสั่งยุติการดำเนินคดีไม่ถูกต้อง อัยการสูงสุดก็เพิกถอนคำสั่งยุติการดำเนินคดีได้
หัวหน้าพรรครับรองผู้สมัครรับเลือกตั้งว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอันเป็นเท็จ  ผิดฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นสมัครรับเลือกตั้งฯ โดยรู้อยู่ว่าไม่มีสิทธิสมัคร
23เป็นเยาวชนไม่ได้ประกอบอาชีพ น่าเชื่อว่าเป็นเพียงผู้รับจ้างมิใช่ผู้ประกอบธุรกิจ
24พยานหลักฐานยังไม่พอฟ้องฐานบุกรุก แผ้วถางป่า
25ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ที่มีข้อความเท็จไม่ใช่เอกสารราชการปลอม
26พฤติการณ์เป็นผู้ใช้กระทำการจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
27หุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจร้องทุกข์
28คำให้การรับสารภาพโดยไม่ปรากฏว่ามีการขู่เข็ญหรือจูงใจจากบุคคลอื่นมีน้ำหนักและรับฟังได้
29ลําพังคำซัดทอดของผู้ต้องหาที่ 1 ที่อ้างว่าผู้ต้องหาที่ 2 ร่วมวิ่งราวทรัพย์ด้วย  ไม่มีพยานหลักฐานอื่น ไม่พอฟ้องผู้ต้องหาที่ 2
30พฤติการณ์ไม่พอฟังว่าเป็นตัวการ แต่เป็นการสนับสนุน
31นำสติกเกอร์ (ใบอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์) มาแสดงภายหลังตรวจพบการกระทำผิด 6 เดือนเศษ รับฟังไม่ได้
32บอกลูกน้องว่า “จัดการ” แล้วลูกน้องรุมทำร้ายผู้เสียหายเป็นใช้ให้ทำร้ายร่างกายผู้อื่น
33พยานหลักฐานฟังได้แล้วว่าผู้ต้องหาทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต การที่ผู้ต้องหาปฏิเสธอ้างฐานที่อยู่และมีบุคคลซึ่งมีตำแหน่งเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา
เป็นพยานสนับสนุน ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้าง
34ฟ้องคดีไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ต้องหาเชื่อว่าถูกผู้กล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต
ไม่ผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ
35เจ้าพนักงานถามชื่อ ที่อยู่ของผู้ต้องหาเพื่อบันทึกการจับกุม แต่ไม่ยอมบอก ผิดฐานไม่ยอมบอกชื่อหรือที่อยู่
36ยินยอมให้ที่ดินเฉพาะส่วนเป็นทางสาธารณะสำหรับราษฎรสัญจรไปมานานถึง 50 ปี ถือได้ว่าเจ้าของที่ดินอุทิศให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้ว
37ผู้เสียหายยืนยันข้อเท็จจริงใหม่พร้อมแสดงหลักฐานประกอบว่าแท้จริงเป็นการเข้าใจผิด พยานหลักฐานที่ปรากฏจึงไม่พอฟ้อง
38เจตนาเพียงสร้างผลงาน
39ไปรับคนต่างด้าวมา แล้วให้อยู่ในโรงงานที่มีรั้วรอบขอบชิดป้องกันมิให้ผู้อื่นรู้เห็น
เป็นความผิดฐานให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้นคนต่างด้าว
40เผาทำลายหลักฐานการเงิน
41ไม่เป็นการปลอมเครื่องหมายการค้า
42เจตนาทำร้ายโดยเล็งเห็นผล
43ติชมโดยสุจริตซึ่งบุคคลอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ
44สําคัญผิดในข้อกฎหมายว่ามีอำนาจทำได้
45แจ้งข้อความตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน
ลำดับที่เรื่อง
1สุมไฟเผาต้นยางเป็นการทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ไม้ยาง
2ตั้งชมรมในลักษณะฌาปนกิจสงเคราะห์ ฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฉ้อโกงประชาชน
3ไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจในการขอตรวจ แม้ผู้ต้องหาไม่มีใบอนุญาตมาแสดงก็ไม่ผิด
4ชักอาวุธปืนจ้องเล็งแล้วเก็บ เป็นข่มขืนใจ
5ขับรถความเร็วเกินกว่าที่กฎกระทรวงกำหนด ไม่ระมัดระวังควบคุมความเร็วให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย เป็นประมาท
6ใช้ชื่อและเอกสารหลักฐานของบุคคลอื่นยื่นแสดงต่อธนาคาร เป็นเหตุให้ธนาคารออกบัตรเครดิตและบัตรถอนเงินสดให้ ผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น
7ถีบรั้วจนหักเป็นช่องแล้วเข้าไปในช่องทางนั้นเพื่อลักทรัพย์ ผิดฐานลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น
8ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทผู้ต้องหาที่ 1 มอบอำนาจให้ นาย ค. เป็นตัวแทนในการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของบริษัท นาย ค. มอบอำนาจให้บุคคลอื่นต่ออีก เมื่อบริษัทผู้ต้องหาที่ 1 ฟ้องคดีแพ่ง
และนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จโดยไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหาที่ 2 มีส่วนร่วมหรือมีส่วนรู้เห็นยินยอมกับผู้ต้องหาที่ 1 จึงยังไม่พอฟ้องผู้ต้องหาที่ 2
9ยึดถือเงินสดแทนผู้เสียหายเพียงชั่วระยะเวลาทำงานในหน้าที่ไม่ถือว่าได้รับมอบการครอบครอง เมื่อเอาเงินไปผิดลักทรัพย์
10รับรถยนต์จากผู้ประมูลได้ไปขายต่อ ไม่ผิดฐานยักยอก
11ส่งโทรสารถึงผู้บังคับบัญชาเพื่อให้ดำเนินการกับผู้เสียหายให้หยุดยั้งกระทำการคุกคามผู้ต้องหา เป็นการแสดงความคิดเห็นป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่เป็นหมิ่นประมาท
12ให้สัมภาษณ์และยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มีข้อความพาดพิงถึงผู้เสียหายซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดิน ส่อไปในทางไม่สุจริตและไม่โปร่งใส ไม่เป็นหมิ่นประมาท
13แบบพิมพ์ใบเสร็จรับเงินไม่มีข้อความที่ปรากฏความหมายอย่างใดในแบบพิมพ์ ไม่เป็นเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (7)
14ขายคอมพิวเตอร์พร้อมแถมโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์ ถือเป็นการกระทำเพื่อการค้าหากำไรโดยการขายซึ่งโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์
15หลอกให้โอนเงินเพื่อขอให้ธนาคารออกหนังสือค้ำประกัน เป็นฉ้อโกง
16รับซื้อซิมการ์ดจำนวนมากในราคาที่ต่ำกว่าปกติ ฟังได้ว่ารับของโจร
17ได้รับมอบหมายจากตัวแทนบริษัทประกันภัยให้ไปเก็บเบี้ยประกันภัยแทนแล้วยักยอกไป บริษัทประกันภัยไม่ใช่ผู้เสียหาย
18หลอกว่ายังไม่มีภรรยา พาหญิงเข้าโรงแรมด้วยความเต็มใจ ไม่ผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร
19กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทต้องรับผิด
20เช่าซื้อรถยนต์แล้วนำไปขายต่อ เป็นฉ้อโกง
21นำบัตรประชาชนปลอมเป็นชื่อคนอื่นไปกู้เงิน
22นำยาแก้ไอเข้ามาในเรือนจำเป็นความผิด
23พบบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นผู้เช่าบ้านที่เกิดเหตุ น่าเชื่อว่าร่วมกระทำผิด
24เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารว่าจ้างช่างให้รับเหมาทำการก่อสร้างอาคาร ถือว่าเป็นผู้ดำเนินการแล้ว
25วันปิดเรียนครูก็มีหน้าที่ดูแลลูกศิษย์
26จุดไฟวางเพลิงเผาโรงเรือนจนเกิดรอยไหม้ขึ้นเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
27ออกเช็คเช่า (ซื้อ) พระ เช็คเด้ง ยังไม่พอฟังว่าฉ้อโกง
28รับจ้างแปรรูปไม้เป็นการสนับสนุนการกระทำความผิด
29ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์มีน้ำหนักรับฟังกว่าความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบตรวจพิสูจน์
30รับสารภาพก็ไม่มีความผิด
31ออกอุบายขอตรวจค้นยาเสพติดแล้วทำอนาจาร ผิดแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานด้วย
32ประชาชนเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบริหารราชการแผ่นดิน ย่อมติชมวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีได้
33ถอนเงินโดยไม่รู้ว่าเป็นลายมือชื่อปลอม ไม่ผิดปลอมเอกสารสิทธิหรือใช้เอกสารสิทธิปลอม
34พยานบุคคลยืนยันประกอบเอกสารรับฟังได้
35ขอรับเงินค่าซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าแล้วหนีไป เป็นฉ้อโกง
36แม้ฟังไม่ได้ว่าเป็นฝ่ายประมาท แต่มีความผิดไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ
37พบอุปกรณ์งัดแงะเป็นการเตรียมการมาก่อนมิใช่อาการป่วยทางจิต
38นำเงินกลับบ้านโดยไม่นำเงินเข้าบัญชีลูกค้าตามระเบียบ ผิดลักทรัพย์
39ทราบคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแล้วยังเข้าไป เป็นความผิดบุกรุก
40เพียงลงชื่อเป็นผู้รับเอกสาร ต่อมาพบซองเอกสารดังกล่าวอยู่ในถุงขยะ ยังรับฟังไม่ได้ว่า เป็นผู้กระทำผิด
41จดทะเบียนสมรสกันโดยไม่ได้อยู่กินกันจริง แต่ไปให้การต่อเจ้าพนักงานว่าร่วมอยู่กินกันจริง ผิดฐานแจ้งข้อความเท็จ
42แบ่งหน้าที่กันทำ และหลอกลวงผู้เสียหายคนละคราว ต่างวาระกัน ไม่เป็นฉ้อโกงประชาชน
43จ้างผู้อื่นก่อสร้างอาคารโดยไม่ทราบคำสั่งให้แก้ไขการก่อสร้างและให้ระงับการก่อสร้าง ไม่เป็นความผิด
44ขนย้ายทรัพย์สินไปทันทีหลังจากได้รับทราบหนังสือทวงหนี้ ผิดโกงเจ้าหนี้
45เอาเงินที่ได้จากการจำหน่ายหวยบนดินไป ผิดยักยอก
46เป็นเจ้าพนักงานตำรวจแม้ออกเวรแล้ว แต่ได้พาผู้ต้องหาไปคุย และปล่อยให้หลบหนี เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และทำให้ผู้ถูกจับหลุดพ้นจากการคุมขัง
47อ้างว่าป้องกันแต่ขัดกับหลักฐานในที่เกิดเหตุรับฟังไม่ได้
48ตรวจเบื้องต้นพบสารมอร์ฟีน และรับสารภาพ แม้ภายหลังตรวจไม่พบก็ไม่พ้นผิด
49คำรับชั้นจับกุมโดยไม่มีหลักฐานอื่นประกอบรับฟังไม่ได้
50หลอกลวงเอาเงินโดยอ้างว่าขยายกิจการเพิ่มทุน ผิดฉ้อโกง
51เอาเอกสารที่อยู่ในการดูแลรักษาของตนตามอำนาจหน้าที่ไปจัดทำและตรวจสอบความถูกต้อง ไม่ผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสาร
52เลิกสัญญาแล้วเอาวัสดุที่เหลือในที่เกิดเหตุใช้ก่อสร้างต่อ ไม่เป็นยักยอก
53โฆษณาหลอกลวงให้ร่วมลงทุน เป็นฉ้อโกงประชาชน
54แลกธนบัตรต่างประเทศมีทั้งของจริงและของปลอมและได้นำมาใช้ โดยไม่รู้ว่าเป็นของปลอม ไม่เป็นความผิด
55รับจ้างไปฆ่าผู้เสียหายและเดินไปที่บ้านผู้เสียหายพร้อมอาวุธปืนถึง ๔ ครั้ง แม้จะยังไม่ได้ลงมือฆ่าเพราะพบว่ามีตำรวจเฝ้าบ้านผู้เสียหาย ก็เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าแล้ว
56ประทับตราบริษัทที่ยังไม่จดทะเบียน แต่ต่อมามีการจดทะเบียน ไม่ผิดปลอมเอกสาร
57เลิกกิจการแล้ว แต่มีผู้เปิดสถานบริการใหม่โดยนำใบอนุญาตเดิมมาแสดง
ผู้ประกอบสถานบริการเดิมไม่ต้องร่วมรับผิด
58กระทำผิดในขณะมีจิตบกพร่อง ไม่ต้องรับโทษ
59แม้เป็นเจ้าของร่วมก็ผิดบุกรุกได้
60มอบรถจักรยานยนต์ให้นายจ้างยึดเป็นประกัน ไม่เป็นยักยอก
ลำดับที่เรื่อง
1มีและจำหน่ายแผ่นดีวีดีและวีซีดีลามกโดยไม่ผ่านการตรวจ และไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
2พิมพ์ข้อความหมิ่นประมาทหลายครั้งต่อเนื่องกันเป็นกรรมเดียว
3“เอามันเลย” เป็นการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด
4แม้กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดโดยไม่ต้องคำนึงว่ามีเจตนาหรือไม่ แต่ผู้กระทำก็ต้องประสงค์ต่อผล และมีเจตนาอันเป็นองค์ประกอบความผิดอยู่ด้วย
5การกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำ
6นำเช็คไปเรียกเก็บเงินก่อนถึงวันถึงกำหนดชำระหนี้ตามสัญญากู้
7แสดงความคิดเห็นหรือข้อความในกระบวนพิจารณาคดีในศาลเพื่อประโยชน์แก่คดีของตนไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
8ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายฯ ไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควรเพราะกลัวถูกทำร้าย เป็นความผิด
9พฤติการณ์ร่วมกันทำร้ายโดยมีเจตนาฆ่า
10พฤติการณ์อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราได้เป็นพยายามข่มขืน
11ลงโทษตามบทเฉพาะ
12ความเห็นแย้งของผู้ว่าราชการจังหวัด และอำนาจ อสส. ตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการฯ
13แม้ไม่ผิดฉ้อโกง แต่ฟังว่าผิดลักทรัพย์ของนายจ้าง ก็สั่งฟ้องได้
14จำหน่ายบัตรสมาร์ทการ์ดซึ่งมีข้อมูลตรงกับบัตรของผู้เสียหาย เป็นการจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม
15พนักงานเทศกิจเป็นเพียงลูกจ้างประจำ เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้เป็นเจ้าพนักงาน จึงไม่เป็นเจ้าพนักงาน
16ร้านอาหารที่มีการติดต่อค้าประเวณีถือเป็นสถานการค้าประเวณี
17ต่างกรรม
18สมัครใจวิวาทอ้างป้องกันไม่ได้
19ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
20อาวุธที่ใช้และแทงตำแหน่งของอวัยวะสำคัญแสดงเจตนาฆ่า
21ขัดขืนไม่ยอมเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์
22พฤติการณ์ไม่เป็นยักยอก เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง
23ลงชื่อในสัญญากู้ไปตามความจริง ไม่ผิดปลอมเอกสารสิทธิ
24ยินยอมให้เด็กเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ในร้านเกินเวลา ถือเป็นการดำเนินธุรกิจในลักษณะมุ่งหาประโยชน์ให้ตนโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบสวัสดิภาพของเด็
25การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษชั่วคราว เป็นเพียงการผ่อนปรนยังไม่ดำเนินคดี
26ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นการเข้าออกยังไม่เพียงพอพิสูจน์ความผิด
27ผลโดยตรงจากการกระทำผิด
28ไม่รักษาผู้ป่วยตามที่ร้องขอและไม่รักษามาตรฐานในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ยังฟังไม่ได้ว่าประมาท
29ยินยอมให้พนักงานในร้านใช้สถานที่ของร้านในการค้าประเวณีกับลูกค้าตามความสมัครใจ เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี แต่ไม่ได้ข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ หลอกลวงหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ ไม่เป็นความผิดฐานค้ามนุษย์
30ใช้สิทธิยึดหน่วงทรัพย์ ไม่เป็นยักยอก
31เครื่องกระสุนปืนของกลางไม่เกินขนาดอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ และไม่ปรากฏหลักฐานว่าเข้าข้อยกเว้นที่ทำให้นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ จึงไม่เป็นความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง
32ให้คำรับรองด้วยข้อความอันเป็นเท็จมาแต่ต้น เป็นฉ้อโกง
33เด็กเล่นพ่อแม่ลูกโดยไม่มีความมุ่งหมายทางเพศไม่ผิดกระทำชำเราเด็กหญิง
34ความเห็นแย้งในฐานความผิดที่พนักงานสอบสวนมิได้มีความเห็นไว้ ไม่ถือเป็นความเห็นแย้ง
35ผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
36พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าร่วมกันวิ่งราวทรัพย์แล้ว ไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรอีก
37มีความเห็นแย้งแล้ว ไม่มีเหตุที่จะกลับความเห็นเดิมเป็นเห็นชอบกับคำสั่งไม่ฟ้อง
38นิติบุคคลลักกระแสไฟฟ้าใช้ในกิจการ ผู้แทนของนิติบุคคลต้องร่วมรับผิดด้วย
39ได้รับประโยชน์จากค่าไฟฟ้าจะอ้างว่าไม่รู้เห็นในการลักกระแสไฟฟ้าไม่ได้
40ผู้ว่าราชการจังหวัดมีความเห็นควรสั่งฟ้องพวกของผู้ต้องหาด้วย มิใช่ความเห็นแย้งที่อัยการสูงสุดจะต้องชี้ขาด
41การข่มขืนใจ ต้องเป็นการบังคับให้กระทำหรือไม่ให้กระทำการใด ๆ
42สั่งจ่ายเช็คขณะพ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้มีอำนาจ ถือเป็นการกระทำส่วนตัว บริษัทไม่ต้องร่วมรับผิด
43นิติบุคคลอาคารชุด มีหน้าที่ต้องดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลางให้อยู่ในสภาพใช้งานได้อย่างดี
44ไม่ได้ร่วมในการแจ้งเกิดอันเป็นเท็จ แต่ใช้เป็นหลักฐานในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชนหรือแจ้งย้าย ผู้กระทำไม่มีความผิด
45ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นเพียงความเห็นตามหลักวิชาการ
46เป็นเพียงลูกจ้าง ไม่ผิดฐานให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ฯ
47จอดรถบนถนนในที่มืดโดยไม่เปิดไฟหรือให้สัญญาณใด ๆ เป็นประมาท
48ทำให้ทรัพย์ซึ่งเป็นส่วนควบของที่ดินเสียหาย ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ลำดับที่เรื่อง
1นิติกรรมการกู้ยืมเงินที่ลูกหนี้มอบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตร ATM) ให้เจ้าหนี้ไว้ เพื่อนำออกใช้และใช้เบิกถอนเงินสดชำระหนี้กู้ยืมนั้น จะถือว่าเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 269/5, 269/6, 269/7 หรือไม่
2การพิจารณาสั่งสำนวนกรณีที่ผู้ต้องหาเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14
3การใช้หลัก “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” เพื่อพิจารณาว่าผู้กระทำความผิดมีเจตนาฆ่า หรือเจตนาทำร้ายหรือไม่
4พนักงานสอบสวนที่พบการกระทำผิดก่อนอยู่ในเขตอำนาจ จึงเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในการสอบสวนคดีนี้
5กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาตนหรือสามีของตน โดยเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเป็นการกระทำแก่ผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด
6ชี้ขาดพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในการสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 21 วรรคสอง
7ผู้กระทำเข้าใจโดยสุจริตว่าได้แจ้งให้ผู้ครอบครองที่ดินตัดกิ่งไม้ที่ล้ำเข้ามาในที่ดินทราบแล้ว แต่ผู้ครอบครองที่ดินไม่ดำเนินการภายในเวลาอันสมควร หากผู้กระทำใช้สิทธิตัดกิ่งไม้ที่ยื่นล้ำเข้ามาในที่ดินเอง จะเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือไม่
8ความผิดฐานเป็นผู้ควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพังในประการที่น่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 นั้น เป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติขึ้นเพื่อให้เจ้าของผู้ควบคุมดูแลสัตว์ดุหรือสัตว์ร้ายใช้ความระมัดระวังรอบคอบ ไม่ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพังซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อบุคคลทั่วไป
9มิได้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามวิธีการและความมุ่งหมายที่รัฐกำหนด เป็นความผิดฐานใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบหรือไม่
10กรณีอัยการสูงสุดอนุญาตให้ฟ้องผู้ต้องหา มิใช่คำสั่งฟ้องของอัยการสูงสุด
11ชี้ขาดพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 21 วรรคสอง
12การพิจารณาพยานหลักฐาน กรณีไม่ได้ส่งเลือดของผู้ต้องหาไปทำการตรวจพิสูจน์หาสารเสพติดประเภทสารระเหย
13เมื่อได้ลักทรัพย์ไปเก็บไว้แล้ว การกระทำความผิดสำเร็จขาดตอน ต่อมาภายหลังโดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้างมาเอาทรัพย์ที่ลักไป ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด
หรือการพาทรัพย์นั้นไป เมื่อฟังว่าผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว กรณีจึงไม่เป็นความผิดฐานรับของโจรในทรัพย์ที่ลักมานั้นอีก
14การรับฟังพยานบอกเล่าในการพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหา กรณีบันทึกถ้อยคำของผู้ต้องหาในชั้นจับกุมเป็นเพียงพยานบอกเล่า
15ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการจัดทำงานแพร่เสียงแพร่ภาพเพื่อการค้า นั้น ผู้กระทำต้องเป็นผู้นำงานแพร่เสียงแพร่ภาพอันมีลิขสิทธิ์ที่รับสัญญาณมาส่งเผยแพร่ต่อสาธารณชนไปในทันที
โดยไม่มีการบันทึกรายการไว้ก่อนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน แต่เมื่อมิได้เรียกเก็บเงินจากการนำงานแพร่เสียงแพร่ภาพ
จึงไม่เป็นความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการจัดให้ประชาชนฟังและชมงานแพร่เสียงแพร่ภาพ โดยเรียกเก็บเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดทางการค้า
16การที่ผู้ต้องหาปีนข้ามรั้วสังกะสีแล้วเข้าไปภายในบริเวณบ้าน แล้วใช้แขนสอดด้านข้างประตูมีช่องว่างอยู่แล้วเอื้อมมือมาปลดกลอนประตูจนประตูเปิดออกแล้วเข้ามาภายในบ้านผู้เสียหาย
แล้วลักเอาโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไป เป็นการลักทรัพย์โดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ แต่ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการลักทรัพย์โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า
17นำเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไปยังจุดนัดหมายเพื่อส่งมอบให้แก่สายลับที่ล่อซื้อ พ้นขั้นตอนตระเตรียมการ ไปสู่การลงมือกระทำความผิดแล้ว
18ความผิดฐานฉ้อโกงกับความผิดฐานรับของโจรเกิดขึ้นต่างท้องที่กัน แต่เป็นทรัพย์สิ่งเดียวกัน โดยถูกฉ้อโกงจากท้องที่หนึ่งแล้วนำไปจำหน่ายให้แก่ผู้รับของโจรอีกท้องที่หนึ่ง โดยมีผู้กระทำความผิดหลายคน ทั้งที่เป็นตัวการ
ในการฉ้อโกง ผู้สมรู้และผู้รับของโจรอันเป็นกรณีความผิดหลายฐานต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ต่าง ๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 (3) ถ้าจับผู้ต้องหายังไม่ได้ พนักงานสอบสวนที่พบการกระทำความผิดก่อนย่อมเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 วรรคท้าย (ข) ต่อมาจับผู้ต้องหาที่กระทำความผิดฐานรับของโจรได้ ก็หาทำให้พนักงานสอบสวนที่พบการกระทำผิดก่อนพ้นจากการเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบไปไม่ และแม้ภายหลังจับกุมผู้ต้องหาได้ ผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ไม่ประสงค์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่กระทำผิดฐานฉ้อโกง ก็มีผลเพียงทำให้สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกงระงับไปเท่านั้น หาได้ทำให้ความผิดฐานฉ้อโกง และความผิดฐานรับของโจรในคดีนี้มิใช่ความผิดต่อเนื่องไม่
19ความรับผิดของผู้กระทำความผิดทางอาญา กรณีมีเหตุอื่นร่วมในการก่อให้เกิดผลจากการกระทำความผิด
20ความผิดฐานลักทรัพย์ต้องการกระทำต่อทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของผู้อื่นและต้องเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปเป็นของตนในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ มิใช่เอาไปเพียงชั่วคราว หรือเป็นการเอาไปโดยถือวิสาสะ
21โทษปรับเป็นโทษสถานหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 ซึ่งการขอเพิ่มโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อจะให้มีการเพิ่มโทษแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดอีกทั้งโทษจำคุกและโทษปรับด้วย ดังนั้น เมื่อศาลจะพิพากษาลงโทษในคดีนี้ให้จำคุกจำเลยก็จะต้องให้เพิ่มโทษ ที่จะลงแก่ผู้นั้นหนึ่งในสามของโทษที่จำเลยได้รับ ทั้งโทษจำคุกและโทษปรับด้วย
22การจัดการมรดกไม่มีกฎหมายบัญญัติว่า ผู้จัดการมรดกต้องได้รับความยินยอมจากทายาท แต่บัญญัติให้ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะกระทำการอันจำเป็นเพื่อจัดการมรดกโดยทั่วไปหรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก
23การพาอาวุธปืนติดตัวที่จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 นั้น จะต้องอยู่ในลักษณะที่ผู้ต้องหาอยู่ในวิสัยที่สามารถใช้อาวุธปืนได้ทันที หากต้องการจะใช้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมการเพื่อการใช้ใด ๆ อีก
24โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อ หรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม
25ร่วมกันก่อสร้างอาคารเพื่อการพาณิชย์ให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณฯ
26ลูกจ้างเข้าไปเอาของตัวเองในบ้านนายจ้างหลังเลิกจ้าง ถือได้ว่ามีเหตุอันสมควรในการเข้าไป 
27กรณีการกระทำอันใดเป็นกรรมเดียวเป็นทั้งความผิดทางพินัยและความผิดอาญา

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เข้าร่วมพิธีตักบาตรพระนวกะ จำนวน 47 รูป ถวายพระพรชัยมงคลและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

วันพุธ ที่ 6 มีนาคม 2567 เวลา 08.00 น. สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เข้าร่วมพิธีตักบาตรพระนวกะ จำนวน 47 รูป ถวายพระพรชัยมงคลและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

ผู้ตรวจการอัยการ ตรวจเยี่ยมและติดตามการปฏิบัติราชการสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

วันพุธ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.30 น. นายโชคชัย สินศุภรัตน์ ผู้ตรวจการอัยการ ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติราชการของสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด
ณ ห้องประชุม 901 ชั้น 9 สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

สรุปผลการดำเนินงานของคณะทำงานจัดทำหนังสือ “รวมคำชี้ขาดความเห็นแย้ง ปี 2563-2566”

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2567

วันพฤหัสบดี ที่ 4 มกราคม 2567 เวลา 08.00 น. สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์จำนวน 131 รูป เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2567 ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

การประชุมคณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ครั้งที่ 5/2566

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

วันที่ 20 กันยายน 2566 คณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ได้จัดให้มีการประชุม โดยท่าน อชข. เป็นประธานในการประชุม
ที่ประชุมได้รายงานสรุปเกี่ยวกับการรวบรวมคำชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุด เพื่อจัดพิมพ์ในรูปแบบรูปเล่ม เพื่อเผยแพร่แก่บุคลากรสำนักงานอัยการสูงสุดทั่วประเทศต่อไป

การประชุมคณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ครั้งที่ 4/2566

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

วันที่ 29 สิงหาคม 2566 คณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ได้จัดให้มีการประชุม โดยท่าน อชข. เป็นประธานในการประชุม
ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการรวบรวมคำชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุด เพื่อจัดทำในรูปแบบรูปเล่ม เพื่อเผยแพร่แก่บุคลากรสำนักงานอัยการสูงสุดทั่วประเทศต่อไป

การประชุมคณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ครั้งที่ 3/2566

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

วันที่ 8 สิงหาคม 2566 คณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ได้จัดให้มีการประชุม โดยท่าน อชข. เป็นประธานในการประชุม
ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการรวบรวมคำชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุด เพื่อจัดทำในรูปแบบรูปเล่ม เพื่อเผยแพร่แก่บุคลากรสำนักงานอัยการสูงสุดทั่วประเทศต่อไป

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุดเข้าร่วมกิจกรรม “ออมบุญวันเข้าพรรษา”

ในวันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์

การประชุมคณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ครั้งที่ 2/2566
สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 คณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ได้จัดให้มีการประชุม โดยท่าน อชข. เป็นประธานในการประชุม
ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์ของ สชข. และเสนอที่ประชุมรวบรวมคำชี้ขาดความเห็นแย้งจัดทำในรูปแบบรูปเล่ม เพื่อเผยแพร่แก่บุคลากรสำนักงานอัยการสูงสุดทั่วประเทศต่อไป

ผู้ตรวจการอัยการตรวจเยี่ยมและติดตามการปฏิบัติราชการ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

วันที่ 19 เมษายน 2566 เวลา 09.30 น. นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รักษาการในตำแหน่ง ผู้ตรวจการอัยการ ได้ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติราชการของสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด
ณ ห้องประชุม 701 ชั้น 7 สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด จัดพิธีรดน้ำดำหัวขอพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทย พ.ศ. 2566

การประชุมคณะทำงานคัดย่อข้อพิจารณาและคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุด ครั้งที่ 1/2566

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด

การประชุมการขับเคลื่อนประกาศเจตนารมณ์ เรื่อง ไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) ของสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

พิธีถวายพระพรชัยมงคล ถวายสัตย์ปฏิญาณ และลงนามถวายสัตย์ปฏิญาณ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2565

กิจกรรมออมบุญวันเข้าพรรษา
จิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์
และบำเพ็ญสาธารณกุศลเฉลิมพระเกียรติ

เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา
๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕

ติดต่อหน่วยงาน

สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด
อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
เลขที่ 120 หมู่ที่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง
เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210
โทร. 0 2142 1515, 0 2142 2053 โทรสาร 0 2143 9186
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์  dlag@ago.go.th

สำนักอำนวยการ 0 2142 1515, 0 2142 2053 – 8
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด 10 2142 1517, 0 2142 3128 โทรสาร 0 2143 9187 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ dlag1@ago.go.th
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด 20 2142 1519 โทรสาร 0 2143 9188 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ dlag2@ago.go.th
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด 30 2142 1521 โทรสาร 0 2143 9189 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ dlag3@ago.go.th
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด 40 2142 1523, 0 2142 3127 โทรสาร 0 2143 9196 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ dlag4@ago.go.th